Why The Khaki Chino Will Forever Be Iconic

กางเกงชิโน่กากี
เรื่องราวของกางเกงขายาวสารพัดประโยชน์ ตัวแทนของความคลาสสิคและร่วมสมัยในเวลาเดียวกัน

ด้วยรูปทรงที่ใส่สบายและสีอันเป็นมิตร ยิ่งกว่านั้นยังเข้ากับรองเท้าได้หลายแบบตั้งแต่สนีกเกอร์ทรงสปอร์ตจนถึงรองเท้าหนังทรงดับเบิ้ล มั้งค์ สแตร็ป เหตุนี้ทำให้กางเกงชิโน่สีกากี จึงเป็นไอเทมที่อยู่ยั่งยืนยงมาถึงทุกวันนี้ ยิ่งใส่ยิ่งนุ่ม ให้ความเบาสบายแต่ก็ยังมีทรง เนื้อผ้ามีเอกลักษณ์ เป็นความพิเศษที่ไม่มีอะไรมาเทียบ

หลายคนอาจยังสับสนความหมายระหว่างคำว่ากากีและชิโน่ โดยทางเทคนิคแล้ว กากี นั่นหมายถึง สีกากีหรือสีน้ำตาลอ่อน และชิโน่จะหมายถึงทรงกางเกง แต่ไม่ว่าจะเรียกชื่อใดก็ย่อมเข้าใจได้ว่ากางเกงที่กำลังพูดถึงคือ กางเกงผ้าฝ้ายที่ถูกทอเป็นลายทแยง (twill) นั่นเอง แม้ทุกวันนี้ยังมีการใช้สองคำนี้ไขว้ไปไขว้มา แต่โดยรวมแล้วเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงอะไร ฉะนั้นไม่ต้องกังวลที่จะเลือกใช้คำใดคำหนึ่ง

ต้นกำเนิดสีกากี ตำนานล่องหนกลางทะเลทราย


ปี 1848 ระหว่างการรบในสมรภูมิ Anglo-Sikh อันอบอ้าว กองทัพจากสหราชอาณาจักรนำโดย Sir Harry Lumsden และ W.S.R. Hodson ผู้บังคับบัญชาที่หนึ่งและสองตามลำดับ พวกเขาตระหนักว่าภายใต้เครื่องแบบสีแดงอันยิ่งใหญ่และทรงเกียรติไม่สามารถทำการรบได้อย่างเต็มรูปแบบในสภาพแวดล้อมนี้ได้ต่อไปแล้ว ความทะนงตนได้เปลี่ยนเป็นความเข้าใจ โดยเฉพาะเมื่อสีเครื่องแบบของกองพันทหารอินเดียภายใต้อาณานิคมอังกฤษที่เข้ามาร่วมกำลังด้วยคือสีขาวที่พร้อมตกเป็นเป้าหมายในสนามรบเช่นเดียวกัน จึงต้องหาวิธีทำให้เครื่องแบบกลมกลืนไปกับทะเลทราย ไม่ดึงดูดสายตาข้าศึกเกินไป และมีน้ำหนักน้อยแต่ก็ยังใช้งานได้ดีอยู่

ทั้งสองเขียนจดหมายไปถึงกองกำลังที่แผ่นดินแม่ว่าให้ทอเครื่องแบบที่มีสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งพอผ่านไปในระยะเวลาหนึ่ง เครื่องแบบที่ส่งมานั้นไม่พอต่อกองกำลังที่มี เขาทั้งสองจึงต้องหาแก้ไขสถานการณ์โดยใช้วัตถุดิบในพื้นที่มาย้อมผ้าฝ้ายสีขาวให้อำพรางตัวได้ เขาใช้ปาล์มมาซารีบวกกับน้ำมัลเบอรี่ ชา กาแฟ หรือแม้กระทั่งน้ำแกงมาย้อมผ้าฝ้ายให้ได้ออกมาเป็นสีที่น้ำตาลอ่อนคล้ายกับดิน โดยเรียกสีนี้ว่า Khaki ซึ่งในความหมายตามภาษาฮินดี Khaki แปลว่า ฝุ่น ที่เสมือนพวกเขาล่องหนได้ท่ามกลางทะเลทราย ภายหลังจากนั้นมาสีกากีก็ถูกนำไปใช้ในการทหารภายใต้กองทัพแห่งสหราชอาณาจักรและส่งต่อไปยังประเทศอื่นต่อ ๆ ไป

ที่มาของคำว่า ชิโน่ กับกางเกงทรงกระบอก ขากว้าง

กางเกงผ้าฝ้ายสีกากีถูกเรียกและรู้จักในนาม ชิโน่ เมื่อช่วงปี 1898 ระหว่างสงคราม Spanish-American เมื่อเวลานั้นกองทัพอเมริกันได้ตั้งฐานทัพในฟิลิปปินส์ ด้วยอากาศที่ร้อนผ่าว เครื่องแบบที่เหมาะสมจึงต้องทำมาจากผ้าฝ้ายและมีน้ำหนักเบาแต่ทว่ายังแข็งแรง โดยผ้าทั้งหมดที่ถูกนำมาผลิตเครื่องแบบมานั้นเป็นผ้าฝ้ายที่มีลายผ้ามีเส้นทแยงเล็ก ๆ ที่เรียกกันว่า twill  ซึ่งมีรูปทรงกระบอก ขากว้างและคำว่า Chino เป็นที่เข้าใจกันว่ามาจากคำว่า China ในภาษาสเปน ซึ่งอาจตีความหมายได้ว่าเครื่องแบบถูกผลิตโดยแรงงานชาวจีนในอาณานิคมสเปน หลังจากนั้นเครื่องแบบสีกากีถูกนำมาใช้ในทางการทหารโดยเฉพาะในฤดูร้อนของกองทัพสหรัฐมาตลอดช่วงระยเวลาในศตวรรษที่ 20 

ทางการสหรัฐฯ นำเครื่องแบบทหารชุดสีกากีมาใช้ใน กองทัพตั้งแต่ปี 1902 Levi’s เป็นเจ้าแรกที่ผลิตไลน์โพรดักส์กางเกงสีกากีตั้งแต่ปี 1906 และอาณาจักร preppy อย่าง Brooks Brothers เริ่มขายกางเกงชิโน่ในช่วง 1942 ซึ่งหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่อะไรก็ดีขึ้น ทหารอเมริกันใส่กางเกงชิโน่ที่คุณภาพดี ที่รู้จักกันในนามผ้า Cramerton โดย Levi’s ก็ได้นำผ้าตัวนี้มาผลิตเช่นกันเพื่อจำหน่ายกางเกงให้เหล่า Preppy ในเวลาต่อมาด้วย

เมื่อเหล่าจีไอผู้รับใช้ชาติได้ทำหน้าที่ในสงครามโลกครั้งที่สองเสร็จสิ้นแล้ว เครื่องแบบที่ถูกผลิตมามากมายถูกเปลี่ยนสถานะเป็นส่วนเกิน เนื่องด้วยสถานการณ์ไม่มีความจำเป็นต้องใช้อีก ได้ปลดประจำการเครื่องแบบแห่งชัยชนะเป็นเสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน กองภูเขาผ้าฝ้ายสีเขียวและสีกากีทั้งหลายจึงถูกถ่ายเทเข้าตลาดเสื้อผ้ามือสองและร้านสวัสดิการของกองทัพ ซึ่งหนึ่งในไอเทมที่หมายปองของผู้คนก็คือกางเกงชิโน่ ซึ่งในเซ้นท์ของผู้คนตอนนั้นก็ต่างรับรู้แล้วว่าเครื่องแบบเหล่านี้เต็มไปด้วยความคงทน ใช้งานได้ดี พึ่งพาได้เสมอ ที่มีทั้งแบบขากระบอกและเทเปอร์ ไม่มีจีบ กระเป๋าด้านข้างเฉียงและมีกระเป๋าหลังหนึ่งหรือสองที่

จากเครื่องแบบทหารสู่ Ivy League

ในช่วงเวลา ‘60s กางเกงชิโน่ได้มีสถานะเดียวกับกางเกงยีนส์ในเรื่องความเท่ที่ได้ใจกลุ่มเด็กวัยรุ่น และไม่เพียงเท่านั้น เจ้ากางเกงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อน คือ องค์ประกอบสำคัญของกระแสการแต่งตัวแบบ Preppy ของพวกนักศึกษามหาวิทยาลัยใน Ivy League ที่สีกากีและเนื้อผ้าของกางเกงชิโน่ให้ความทางการที่มากกว่าเดนิม ภายใต้ความเรียบง่ายที่พลิกแพลงได้สะดวกกว่า จนสามารถครองตำแหน่งกางเกงที่ให้ความแคทชวลและดูดีไปพร้อมกัน ที่คุณอาจจะเคยเห็นพวกเขาในลุคที่สวมเบลเซอร์ เสื้อโปโล จบด้วยโบ๊ทชูส์ พวกเขาใส่กางเกงชิโน่สีกากีไปทุกที่ไม่ว่าจะห้องเลคเชอร์ ดูแข่งฟุตบอล ล่องเรือ ซ้อมกีฬา แม้กระทั่งใส่นอน

อีกส่วนสำคัญของการโฆษณาสรรพคุณให้คนทั่วไปรู้จักและไว้ใจเจ้ากางเกงชิโน่ ก็คือฮอลลีวูด พวกเขาทำให้กางเกงชิโน่นั้นมีความเชื่อถือมากขึ้นในฐานะกางเกงที่มากด้วยความสามารถ เพราะในยุคสมัยนั้นกางเกงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อนนี้ปรากฏตัวทั้งในจอและนอกจอผ่านไอคอนเหล่านี้ John Wayne, James Dean, Greta Garbo และ Katharine Hepburn

นอกจากฟังก์ชันของตัวมันเองแล้วกางเกงชิโน่ถูกผลิตซ้ำความป๊อปในสัญญะความเป็นอเมริกันอีสโคสท์ เสื้อผ้าที่มีกลิ่นอายของ Preppy โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปรากฏอยู่บนตัวของประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาขณะนั้นอย่าง John F. Kennedy ผู้ที่มีสไตล์และไลฟ์สไตล์ กินรวบนิยาม All-Americans บิดาแห่ง Prep Icon ที่โลกไม่มีวันลืม ภาพกางเกงชิโน่อยู่เคียงข้างเขาในภาพถ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวันหยุดกับครอบครัวหรือช่วงเวลาบนเรือกับการตกปลาของเขา นอกจาก JFK ยังมีดาราและหนุ่มฮอตระดับตำนานอย่าง Steve Mcqueen และ Paul Newman สองแรงบันดาลใจอันสำคัญของโลกเมนส์แวร์ที่ปรากฏตัวกับกางเกงชิโน่สีกากีอยู่บ่อยครั้ง

แม้จะอัดแน่นไปด้วยมรดกทางประวัติศาสตร์และคุณค่ามากมาย ทรงของกางเกงชิโน่ก็ไม่แคล้วเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา หลังสงครามโลกครั้งที่สองส่วนใหญ่หน้าตาของกางเกงชิโน่จะเป็น Full cut ขากว้างแต่พอในช่วง ‘60s อ้างอิงจากหนังสือ Take Ivy ทรงของกางเกงชิโน่มีความสลิมมากขึ้นและสั้นลงด้วย ในปี 1979 โปสเตอร์ “Are You a Preppie?” ของ Nathaniel Worthington III แสดงให้เห็นการกลับมาสู่ทรงขากระบอกอีกครั้งกับรายละเอียดดั้งเดิม ในช่วง ‘80s ทรงของกางเกงชิโน่สีกากีเริ่มมีขากว้างแบบมีจีบ หนีห่างออกจากกลิ่นอายดั้งเดิมของเครื่องแบบทหาร จึงทำให้ผู้คนในช่วงเวลานั้นมองกางเกงพวกนี้เป็นเสื้อผ้าของคนแก่มากกว่า แต่อย่างไรก็ตามในปี ‘90s กางเกงชิโน่กลับมาอีกครั้งโดยทรงที่ถูกใจวัยรุ่นในช่วงนั้น ก็คือทรง baggy ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีที่ให้สำหรับจีบ และยังมีหลากหลายทรง ที่สำคัญคือเรื่องของสีที่มีให้เลือกมากกว่าเดิมด้วย

นิยามแห่งความเรียบง่ายและสารพัดประโยชน์

ข้อดีอย่างล้ำค่าจากกางเกงชิโน่สีกากี คือ ไม่เคยสงวนตัวเองไว้แค่ในพื้นที่ของ Ivy League และกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ยกหางแต่ชาติพันธุ์ตัวเอง เพราะในปี 1993 GAP เคยนำเสนอตัวตนของผู้คนที่หลากหลายผ่านการมีสไตล์ที่เวลาก็ไม่สามารถมาพรากความนิยมได้ในโฆษณาชิ้นดังอย่าง Who Wore Khakis? ที่มีบรรดาเซเลปบริตี้ในหลายวงการตั้งแต่ดารา นักมวย จนถึงนักเขียนหัวขบถในท่วงท่าอิริยาบทต่างๆ ขณะสวมใส่กางเกงชิโน่สีกากี ไม่ว่าจะเป็น Jame Deans, Muhammad Ali, Miles Davis, Ernest Hemingway, Jack Kerouac และ Salvador Dali ฯลฯ ด้วยนัยยะที่ว่าตัวกางเกงชิโน่สีกากีนั้นเปรียบได้เหมือนกับแบรนด์ GAP ที่มีสไตล์มั่นคงและสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้ใส่ โดยเฉพาะสีกากีคงจะเป็นสีเดียวในโลกเครื่องแต่งกายที่อเนกประสงค์มากที่สุด ที่ถึงแม้เนื้อผ้าจะมีวันเสื่อมถอย แต่สีน้ำตาลอ่อนจะไม่มีวันตาย นี่ถือว่าเป็นสัจนิรันดร์ข้อหนึ่งในศาสตร์ของเสื้อผ้า

ทุกวันนี้กางเกงชิโน่ถูกนำมาปรับใช้กับไลฟ์สไตล์ได้กว้างขึ้น ไม่ว่าคุณจะไปงานแต่งและประชุมสำคัญ กางเกงกากีชิโน่ในรูปแบบ tailoring ก็มีให้พร้อมบริการ หรือจะมาในลุคแคทชวลกับสนีกเกอร์ทรงสปอร์ต หรือจับคู่เสื้อทรงหลวม ๆ กระโดดขึ้นลงบนสเก็ตบอร์ดก็ย่อมได้หรือจะมาในแนว Preppy กับรองเท้าโลฟเฟอร์หรือโบ๊ทชูส์ ใส่เสื้อ OCBD เดินรับลมวันหยุด หากจะลุยในมาดเซอร์กับแนววินเทจในลุคใน workwear หรือ military wear ก็ทำได้เช่นกัน ไม่ว่าคุณจะชอบทรงสลิมหรือกระบอกตรงไม่มีจีบหรือขากว้าง มีจีบ พึงระลึกได้เสมอเลยว่าเจ้ากางเกงชิโน่สีกากีของคุณนั้นจะรับใช้คุณได้เป็นอย่างดีแน่นอน

หากเอ่ยถึงสรรพคุณของกางเกงชิโน่สีกากี จากวันนั้นจนถึงวันนี้ทุกอย่างยังคงเดิม คือ คล่องแคล่ว สบาย ทนทาน ใส่ง่าย ทำให้กางเกงชิโน่สีกากียังไม่เสื่อมความนิยมในปัจจุบัน ภายใต้ความง่ายของกางเกงชิโน่สีกากีนั้นเปี่ยมไปด้วยรายละเอียดที่แอบแฝงอยู่ ที่คลาสสิกและร่วมสมัยในเวลาเดียวกัน

Previous Article Next Article